23 สไตล์บ้านยอดนิยม เลือกสไตล์ที่ใช่บ้านแบบไหนโดนใจคุณ!

การเลือกบ้านก็เหมือนการเลือกคู่ชีวิต เพราะมันเป็นมากกว่าหลังคาเหนือศีรษะแต่ยังเป็นสถานที่ที่คุณสามารถเรียกว่า “บ้าน” ได้อย่างเต็มภาคภูมิ เป็นที่ที่คุณจะได้เฉลิมฉลองในวันสำคัญ ใช้เวลากับคนที่คุณรัก และสร้างความทรงจำอันมีค่าที่จะคงอยู่ตลอดไป เช่นเดียวกับบุคลิกของคนเราที่มีหลากหลาย สไตล์บ้านเองก็มีหลากหลายเช่นเดียวกัน ซึ่งแบบบ้านแต่ละสไตล์ก็มีเสน่ห์ ลักษณะเฉพาะ และเรื่องราวที่มาที่แตกต่างกันออกไป แน่นอนว่าการเลือกสไตล์บ้านเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามและต้องทำการเลือกเฟ้นกันเป็นอย่างแรก ๆ การเลือกสไตล์บ้านคือภาพสะท้อนของบุคลิกภาพ ไลฟ์สไตล์ และแม้แต่แรงบันดาลใจของคุณ

ในบทความนี้เราจะพามาสอดส่องสไตล์บ้านทั้ง 23 สไตล์ แต่ละสไตล์มีเรื่องราวที่อยากบอกเล่าให้คุณรู้ ตั้งแต่แบบดั้งเดิมจนถึงสมัยใหม่ ในจำนวนนี้อาจจะมีสไตล์ที่โดนใจคุณก็เป็นได้

ประเภทของอสังหาริมทรัพย์

เราจะมาเริ่มด้วยประเภทของอสังหาริมทรัพย์ที่คุณสามารถพบเห็นได้ทั่วทุกที่บนโลก ซึ่งเป็นเหมือนโครงสร้างแรกที่คุณต้องตัดสินใจเลือกก่อนที่จะเลือกสไตล์การตกแต่งของบ้านในด่านต่อไป ได้แก่

1. บ้านเดี่ยว

บ้านเดี่ยวเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านสแตนด์อโลนที่ออกแบบมาเพื่อรองรับครอบครัวเดียว มีความเป็นส่วนตัว พื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง และทางเลือกในการปรับแต่งบ้าน ซึ่งบ้านเดี่ยวจะเหมาะสำหรับบุคคลหรือครอบครัวที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงและต้องการพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ ข้อดีของบ้านเดี่ยวคือคุณจะสามารถรีโนเวทได้ตามใจ เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และนิสัยส่วนตัวของคุณ สามารถเพิ่มห้องดนตรี สวนหย่อม หรือห้องอ่านหนังสือก็ได้ แต่ส่วนใหญ่บ้านเดี่ยวมักจะนิยมสร้างให้ในทำเลชานเมืองเนื่องจากมีความเงียบสงบมากกว่า ซึ่งอาจเป็นข้อเสียหากคุณชอบบรรยากาศแบบใจกลางเมือง

2. ทาวน์เฮ้าส์

ทาวน์เฮ้าส์จะมีความคล้ายคลึงกับคอนโดมิเนียมซึ่งจะถูกสร้างให้แต่ละยูนิตติดกัน ทาวน์เฮ้าส์มักเป็นบ้าน 3 ชั้นที่จะมีทางเข้าส่วนตัวและพื้นที่กลางแจ้งเล็กน้อยเพื่อให้เป็นที่จอดรถ ภายในบ้านจะมีโถงทางเดินยาวที่จะนำไปสู่ห้องนอนชั้นบน อย่างไรก็ตามทาวน์เฮ้าส์จะได้รับการก่อสร้างเป็นกลุ่มอาคารติด ๆ กันหลายยูนิต ส่วนใหญ่จะไม่ติดกับถนนสายหลักเหมือนกับบ้านเดี่ยว แต่มีความเป็นส่วนตัวและพื้นที่มากกว่าคอนโด แถมมีราคาที่ถูกกว่าบ้านเดี่ยวอีกด้วย

3. คฤหาสน์

คฤหาสน์ถือเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่และเปรียบเสมือนสถานะสูงสุดในรูปแบบบ้าน ส่วนใหญ่แล้วจะมีประตูทางเข้าอันโอ่อ่า บันไดกว้าง พื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ และความหรูหรารอบด้าน แน่นอนว่าคฤหาสน์ที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ด้วยเช่นกัน การเตรียมพร้อมสำหรับการบำรุงรักษาจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างมาก นอกจากการดูแลตัวบ้านแล้ว การดูแลภาพลักษณ์ภายนอก พื้นดิน และสวนนอกบ้านให้คงสภาพเดิมอาจต้องจ้างคนสวนที่มีความเชี่ยวชาญพอสมควร แต่อย่าได้ลืมข้อดีของคฤหาสน์เพราะคุณจะได้สัมผัสความหรูหราเท่าที่จะจินตนาการได้ ไม่ว่าจะเป็นโฮมเธียเตอร์หรือห้องเก็บไวน์ ไปจนถึงห้องรับประทานอาหารขนาดใหญ่ยักษ์และโรงจอดรถหลายคัน นับได้ว่าเป็นอีกเสน่ห์หนึ่งของอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้เลย

4. คอนโดมิเนียม

คอนโดหรือห้องชุดเป็นอสังหาริมทรัพย์อีกประเภทหนึ่งที่พบเห็นได้บ่อยเช่นเดียวกัน ซึ่งจะได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ จะได้รับความนิยมเป็นพิเศษจากกลุ่มคนวัยทำงานและนักศึกษา ที่ต้องการคอนโดใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าหรือใกล้กับออฟฟิศ นอกจากนี้คอนโดในพื้นที่ภูเก็ตและพัทยาก็ได้รับความนิยมสูงเช่นเดียวกัน คอนโดจะเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก, อยู่อาศัยคนเดียว หรือผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์แต่ไม่ต้องการพื้นที่มากมายเท่าบ้านเดี่ยว ข้อดีของคอนโดคือคุณจะสามารถสรรค์สร้างพื้นที่ของคุณเองได้อย่างอิสระ ตกแต่งได้ตามใจคิด และเพลิดเพลินกับวิวพระอาทิตย์ตกยามเย็น อีกทั้งยังมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ เช่น สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, พื้นที่อ่านหนังสือ และระบบรักษาความปลอดภัย เป็นต้น

5. เพนต์เฮ้าส์และดูเพล็กซ์

เพนต์เฮ้าส์มักจะตั้งอยู่ที่ชั้นบนสุดของอาคารสูง เปรียบเสมือนมงกุฎเพชรของการใช้ชีวิตอันหรูหรา มอบทัศนียภาพที่งดงามเพียงแค่คุณเปิดประตู มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่เทียบเท่าบ้านเดี่ยว และจัดแบ่งโซนต่าง ๆ ให้มีฟังก์ชันคล้ายคลึงกับบ้านเดี่ยวอีกด้วย ส่วนใหญ่ก็จะมีชั้นดาดฟ้าให้คุณได้พักผ่อนและสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับครอบครัวได้

ดูเพล็กซ์เป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดอย่างหนึ่ง แต่การก่อสร้างจะมีสัดส่วนที่แตกต่างกันถึงแม้จะมีการจัดวางเลย์เอ้าท์ที่คล้ายคลึงกันก็ตาม ซึ่งคุณจะได้รับประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ไม่เหมือนใครในอาคารชุดคอนโดแต่ภายในห้องมีการเพิ่มชั้นลอยภายในห้อง ฝ้าเพดานสูงขึ้นเป็นสองเท่าจากห้องทั่วไป และพื้นที่ที่สามารถปรับแต่งได้มากขึ้น ฟังก์ชันการใช้งานภายในห้องมีความคล้ายคลึงและแตกต่างกันไปแล้วแต่โครงการ

6. วิลล่า

หากคุณมองหาบ้านสำหรับการพักผ่อนตากอากาศที่อบอวลไปด้วยความสนุกสนานและเพลิดเพลิน อสังหาริมทรัพย์ประเภทวิลล่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเมืองท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่, ภูเก็ต, หัวหิน, เกาะสมุย และอื่น ๆ อีกมากมาย นำเสนอพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่พิเศษ การออกแบบและตกแต่งสุดหรูหรา สระว่ายน้ำส่วนตัว และพื้นที่ทำกิจกรรมหรือประกอบอาหาร ให้คุณได้ดื่มด่ำไปกับการพักผ่อนอันน่ารื่นรมย์ท่ามกลางบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟแต่มีความเป็นส่วนตัวสูง

เมื่อคุณตัดสินใจได้แล้วว่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทไหนตรงใจคุณ ในขั้นตอนต่อมาก็จะต้องมาเลือกกันแล้วว่าต้องการจะตกแต่งบ้านของคุณในสไตล์ไหน ซึ่งจะมี 4 หมวดหลักคือ หมวดสไตล์ดั้งเดิม, หมวดสไตล์โมเดิร์น, หมวดสไตล์โกลบอล และหมวดสไตล์ยูนีค

หมวดสไตล์ดั้งเดิม

โดยสไตล์แรกที่เราจะขอแนะนำคือ “สไตล์บ้านแบบดั้งเดิม” ส่วนใหญ่จะอ้างอิงจากประวัติศาสตร์และเรื่องราวในอดีต โดยจะมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นสะท้อนถึงช่วงเวลาที่เกิดขึ้น แน่นอนว่ามันมีเอกลักษณ์และอบอวลไปด้วยมนต์เสน่ห์อย่างน่าเหลือเชื่อ เราจะเจาะลึกลงไปกับ 3 สไตล์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนี้ ได้แก่  

7. สไตล์เคปค้อด (Cape Cod)

เป็นสไตล์ที่มีรากฐานมาจากศตวรรษที่ 17 และได้รับแรงบันดาลใจจากกระท่อมมุงจากในอังกฤษ ในยุคนั้นกระท่อมจะมีขนาดเล็ก อบอุ่นแต่สบาย และมีความทนทานต่อพายุฝนฟ้าคะนอง แต่ในปัจจุบันได้นำมาดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัย โดยทั่วไปจะเป็นแบบบ้านชั้นเดียว มีหลังคาสูงชัน หน้าต่างแบบสมมาตรที่ขนาบสองข้างประตูบ้าน หลังคามุงด้วยไม้ซีดาร์

8. สไตล์จอร์เจีย โคโลเนียล (Georgian Colonial)

ชื่อที่ใช้นั้นตั้งตามกษัตริย์อังกฤษทั้ง 4 พระองค์ที่ชื่อว่าจอร์จ ซึ่งในปัจจุบันบ้านสไตล์นี้ก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น โดยภาพรวมจะคล้ายคลึงกับบ้านสไตล์เคปค้อด คือมีหน้าต่างที่สมมาตรกันขนาบข้างประตู แต่บ้านส่วนใหญ่จะมี 2 ชั้น ฝ้าเพดานสูงเป็นพิเศษ และเน้นใช้ไม้หรืออิฐในการก่อสร้าง

9. สไตล์วิคตอเรียน (Victorian)

สถาปัตยกรรมสไตล์วิคตอเรียนมักจะมีความโรแมนติกและความประณีตสูง มีรูปทรงไม่สมมาตร ใช้สีสันสดใส และมีรายละเอียดที่หรูหรา มีลักษณะสำคัญ ได้แก่ หลังคาสูงชันมีหลายเหลี่ยมคล้ายเพชรพลอย หน้าต่างยื่นออกมาจากผนังบ้าน และมีหอคอย ภาพรวมของบ้านสไตล์วิคตอเรียนจะคล้ายคลึงกับนิยายอิงประวัติศาสตร์ เต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะและมนต์เสน่ห์ชวนมอง

10. สไตล์คอทเทจ (Cottage)

เป็นบ้านสไตล์ดั้งเดิมที่มีความน่ารักเหมือนในหนังสือนิทานเด็กเล็ก ได้รับแรงบันดาลใจจากบ้านในชนบทของอังกฤษ มีเสน่ห์ อบอุ่น และดูอ่อนโยน บ้านสไตล์คอจเทจส่วนใหญ่เป็นบ้านชั้นเดียวขนาดเล็ก ลักษณะเด่นคือจะมีระเบียงยื่นออกมาด้านหน้า หลังคาทรงจั่วกว้างแต่ไม่สูงมาก หรือใช้หลังคาทรงมะนิลา มีเฉลียงด้านใดด้านหนึ่งเพื่อให้อากาศถ่ายเทและเป็นจุดรับลม สร้างด้วยวัสดุธรรมชาติเป็นหลัก เช่น ไม้ และแผ่นหิน ส่วนใหญ่จะใช้โทนสีอ่อน เช่น สีขาว, สีครีม, สีเทาอ่อน, สีฟ้าพาสเทล และสีเหลืองพาสเทล เป็นต้น รวมถึงยังตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรือมุมต่าง ๆ ด้วยโทนสีขาวหรือสีไม้อ่อน  

หมวดสไตล์โมเดิร์น

แบบบ้านโมเดิร์นหรือสมัยใหม่ครอบคลุมการออกแบบและตกแต่งที่หลากหลาย สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางด้านเทคนิคสถาปัตยกรรม วัสดุ และกระแสสังคมในช่วงเวลาต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวไปจนถึงความเรียบง่ายและสบายตา บ้านสไตล์โมเดิร์นส่วนมากจะเน้นสร้างตามฟังก์ชันการใช้งาน ความเรียบง่าย และเชื่อมต่อกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ เรามาดูแบบบ้านหมวดสไตล์โมเดิร์นกันดีกว่า

11. สไตล์ร่วมสมัย (Contemporary)

เป็นสไตล์บ้านที่สะท้อนถึงเทคนิคทางสถาปัตยกรรมในปัจจุบันได้ชัดเจน มักมีการออกแบบที่โดดเด่นและสวยงามเหนือกาลเวลา เน้นให้มีฟังก์ชันการใช้งานได้จริงมากกว่าการตกแต่งให้หรูหรามากจนเกินไป และลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป จุดเด่นหลักจะอยู่ที่การเชื่อมโยงพื้นที่ในร่มและพื้นที่กลางแจ้งแบบไร้รอยต่อ รวมถึงรูปทรงบ้านจะมีความเรียบง่าย ใช้โทนสีที่อบอุ่นสบายตา และมีการใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ไม้ มาเป็นเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งด้วย นอกจากนี้บ้านสไตล์นี้จะแตกต่างกับสไตล์โมเดิร์นทั่วไปตรงที่บ้านสไตล์โมเดิร์นจะใช้หลังคาทรงเรียบเท่านั้น แต่บ้านสไตล์ร่วมสมัยจะมีการเลือกใช้หลังคาทรงปั้นหยาหรือทรงจั่วด้วย ทำให้บ้านดูอบอุ่น ละมุน และระบายอากาศได้ดีเหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทย

12. สไตล์มิดเซนจูรี่ โมเดิร์น (Mid-Century Modern)

เป็นแบบบ้านสมัยใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 หรือประมาณปี 1940 ถึง 1960 โดยบ้านสไตล์นี้มีจุดเด่นตรงที่มีการผสานรวมพื้นที่ในร่มกับพื้นที่กลางแจ้งเข้าด้วยกัน เน้นความเรียบง่าย และกลมกลืนกับธรรมชาติ เอกลักษณ์ที่โดดเด่น ได้แก่ แบบแปลนบ้านที่เปิดโล่ง, หน้าต่างกระจกขนาดใหญ่, หลังคาแบบระนาบเดียว และเลย์เอาท์ของชั้น 2 จะแตกต่างกับบ้านทั่วไป เพื่อปรับแต่งพื้นที่ใช้สอยที่แตกต่างกัน ถึงแม้ว่าบ้านสไตล์นี้จะมีต้นกำเนิดในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบ้านสไตล์นี้มีเสน่ห์เหนือกาลเวลาและยังคงมีอิทธิพลต่อการออกแบบบ้านสไตล์โมเดิร์นในปัจจุบันมากทีเดียว

13. สไตล์มินิมอล (Minimalist)

สถาปัตยกรรมแบบมินิมอลใช้แนวคิดในการออกแบบที่เรียกว่า “Less is more - น้อยแต่มาก” สไตล์บ้านนี้มีความโดดเด่นและเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะรูปแบบบ้านมีแต่ตอบโจทย์ฟังก์ชันการใช้งาน ปราศจากการตกแต่งที่เว่อร์วัง เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นแต่ไม่ทิ้งความสวยงาม โดยสไตล์บ้านมินิมอลมักจะใช้โทนสีเดียวหรือแค่ 2 สี เน้นความสะอาดตา พื้นที่เปิดโล่ง และรับแสงธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ 

14. สไตล์มูจิ (Muji)

แบบบ้านสไตล์มูจิได้รับการตั้งชื่อตามบริษัทค้าปลีกชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสไตล์ที่มีการผสมผสานระหว่างสไตล์มินิมอล (Minimalist) และสไตล์ดั้งเดิมของญี่ปุ่น (Traditional Japanese) เข้าด้วยกัน เน้นประโยชน์ใช้สอยและความเรียบง่าย เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น ใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ไม้ แก้ว และโลหะ, พื้นที่เปิดโล่ง, แสงธรรมชาติที่มีความนุ่มนวล และโทนสีอบอุ่น อย่างไรก็ตามแม้สไตล์มินิมอลและสไตล์มูจิจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่จุดแตกต่างของสไตล์มูจิคือเน้นให้บ้านมีฟังก์ชันการจัดเก็บที่ชาญฉลาด ใช้พื้นที่ขนาดกะทัดรัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ใช้ทุกตารางนิ้วอย่างคุ้มค่า แน่นอนว่าจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์ในการปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยพอสมควร โดยการตกแต่งบ้านสไตล์นี้ผู้คนมักจะเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์จากร้านมูจิ เพราะเฟอร์นิเจอร์ของร้านมูจิได้รับการออกแบบมาเพื่อจุดประสงค์นี้อยู่แล้วนั่นเอง

15. สไตล์อินดัสเทรียล (Industrial)

บ้านสไตล์อินดัสเทรียลได้รับแรงบันดาลใจจากความสวยงามแบบดิบ ๆ ของโรงงานหรือโกดังที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อย มักจะมีการโชว์องค์ประกอบหลักให้โดดเด่นขึ้นมา เช่น ท่อโล่ง ๆ, ผนังอิฐแดง, พื้นคอนกรีต และเพดานเปิดโล่งไม่มีฝ้า เป็นสไตล์บ้านที่แสดงให้เห็นเป็นจุดโฟกัสแทนที่จะซ่อนเอาไว้ แม้ว่าจะดูดิบ ๆ แต่บ้านสไตล์อินดัสเทรียลก็มีความเก๋ไก๋และน่าดึงดูดใจได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ด้วยแสงไฟอันอบอุ่นและเฟอร์นิเจอร์ที่มีโทนสีตัดกัน ผลลัพธ์ที่ได้คือบ้านที่มีกลิ่นอายของความล้ำยุค คล้ายกับอยู่ในโกดังที่มีสไตล์นั่นเอง

16. สไตล์สแกนดิเนเวีย (Scandinavian)

บ้านสไตล์สแกนดิเนเวียหรือเรียกได้อีกอย่างว่า “สไตล์นอร์ดิก” ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากการตกแต่งบ้านแถบยุโรปเหนือ เช่น นอร์เวย์, สวีเดน, เดนมาร์ก และฟินแลนด์ เป็นต้น ด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้คนแถบนั้นที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและอยู่อาศัยท่ามกลางธรรมชาติ ทำให้บ้านสไตล์นอร์ดิกมีการนำวัสดุธรรมชาติมาใช้  เช่น ผนังไม้, เฟอร์นิเจอร์ไม้ และโทนสีธรรมชาติ รวมถึงมีการเชื่อมต่อกับพื้นที่ธรรมชาติภายนอก ลักษณะเด่นของบ้านสไตล์นี้คือ รูปทรงเรียบง่ายไม่ซับซ้อน, หลังคาจั่วสูง, ภายในบ้านมีความโปร่งโล่ง, มีกระจกเยอะ, ใช้สีธรรมชาติ เช่น ขาว ดำ เทา เบจ และเน้นใช้วัสดุไม้ เป็นต้น

17. สไตล์ลอฟท์ (Loft)

บ้านสไตล์ลอฟท์เป็นอีกสไตล์หนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีต้นกำเนิดมาจากฝั่งตะวันตกในยุคอุตสาหกรรมหลังสงคราม จริง ๆ แล้วก็มีความคล้ายคลึงกับสไตล์อินดัสเทรียลเล็กน้อยแต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่ โดยจะเน้นใช้โทนสีน้ำตาล ขาว เทา และดำเท่านั้น ซึ่งลักษณะเฉพาะที่เป็นจุดเด่นคือ แบบแปลนบ้านที่มีขนาดใหญ่และโล่ง โดดเด่นด้วยเพดานสูง ท่อและช่องลมโปร่ง หน้าต่างบานใหญ่ และมีกลิ่นอายของความดิบเล็กน้อย เพราะปล่อยให้เห็นผนังปูนเปลือย อิฐเปลือย หรือซีเมนต์ขัดมัน เน้นให้ห้องมีความโอ่โถงมากที่สุด ถ่ายเทอากาศได้ดีแต่ก็เก็บอุณหภูมิไม่ค่อยได้

หมวดสไตล์โกลบอลเฮ้าส์

เป็นหมวดสไตล์บ้านที่เกี่ยวข้องกับสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น บริบททางภูมิศาสตร์และสภาพแวดล้อม วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ซึ่งบ้านสไตล์นี้ไม่ได้เจาะจงแค่ภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งเท่านั้น แต่ยังครอบคุลมตั้งแต่แนวชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีแดดจ้าสดใส ไปจนถึงภูมิประเทศอันเงียบสงบของเอเชียตะวันออกเลยทีเดียว โดยบ้านสไตล์ต่าง ๆ ทั่วโลกต่างก็นำเสนอมุมมองที่น่าสนใจในไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย เราจะมาเจาะลึกถึงบ้านสไตล์โกลบอลเฮ้าส์ทั่วโลก ที่ได้รับความนิยมและพบเห็นได้บ่อย ดังนี้

18. สไตล์เมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean)

บ้านสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิภาคที่อาบด้วยแสงแดดจ้า เช่น อิตาลี สเปน และกรีซ ซึ่งเป็นสไตล์บ้านที่นำเสนอมุมมองของวิถีชีวิตริมชายฝั่งได้เป็นอย่างดี ลักษณะเด่นของบ้านสไตล์นี้คือ หลังคามุงกระเบื้องสีแดง มักเป็นทรงจั่วต่ำหรือปั้นหยา เสริมด้วยผนังปูนปั้นสีขาวหรือสีอ่อน ภายในบ้านกว้างขวางและโปร่งสบายด้วยเพดานสูงและหน้าต่างบานใหญ่ เปิดรับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ รวมไปถึงรายละเอียดที่ใช้ประดับตกแต่งก็มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เช่น งานกระเบื้องโมเสก, งานเหล็กดัด และประตูไม้หนา

19. สไตล์เอเชีย (Asian)

บ้านสไตล์เอเชียส่วนใหญ่มักจะผสมผสานปรัชญาการออกแบบที่สะท้อนถึงตัวตนของประเทศต่าง ๆ เช่น ญี่ปุ่น จีน และไทย เป็นต้น แน่นอนว่าแต่ละประเทศมีสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมที่แตกต่างกัน ตามวัฒนธรรมและวิถีชีวิต แต่ส่วนใหญ่แล้วบ้านสไตล์เอเชียจะเน้นใช้วัสดุธรรมชาติ มีความเรียบง่าย และมีความสมดุล มักให้ความรู้สึกเงียบสงบคล้ายกับสวนเซนของญี่ปุ่น หรือบ้านสไตล์ไทยที่มีสวนล้อมรอบ จุดร่วมของบ้านสไตล์เอเชียที่เป็นมากกว่าความสวยงามคือสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่ให้ความสำคัญกับความเรียบง่าย กลมกลืน และผูกพันกับธรรมชาติ

20. สไตล์ไทยดั้งเดิม (The Oriental Thai Style)

บ้านสไตล์ไทยดั้งเดิมเรียกอีกอย่างได้ว่า “เรือนไทย” เป็นบ้านสไตล์คลาสสิคของสถาปัตยกรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บ้านจะได้รับการออกแบบให้ทนทานต่อสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย โดยมีคุณสมบัติต่าง ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ยกพื้นสูง, หน้าต่างบานใหญ่เปิดกว้างได้ และพื้นที่เปิดโล่งเพื่อให้แสงและอากาศถ่ายเท มักจะมีหลังคาแหลมสูงเพื่อเป็นทางไหลผ่านของน้ำฝนในช่วงหน้าฝนนั่นเอง นอกจากนี้บ้านทรงไทยมักจะสร้างด้วยวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้สัก เป็นไม้ที่มีคุณภาพสูงและมีราคาแพง สะท้อนความเชื่อมโยงวิถีชีวิตที่ผูกพันกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง

หมวดสไตล์ยูนีค

รูปแบบบ้านสไตล์ยูนีคเป็นสไตล์ที่แหวกแนวไม่ซ้ำใคร เต็มไปด้วยจินตนาการที่ท้าทายความเข้าใจเดิมของเราว่าบ้านควรจะเป็นอย่างไร การออกแบบด้วยความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ กระตุ้นให้เราเปิดรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ตั้งแต่ความเรียบง่ายและยั่งยืน ไปจนถึงความยิ่งใหญ่และหรูหรา เราจะส่องบ้านสไตล์ยูนีคสุดล้ำที่จะทำให้คุณร้องว้าว ดังนี้

21. สไตล์บ้านจิ๋ว (Tiny House)

สไตล์บ้านจิ๋วเป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่ใช้แนวคิด “Less is more - น้อยแต่มาก” แต่ได้นำเสนอมุมมองใหม่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่เกิดจากการเคลื่อนไหวทางสังคมเรื่องผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่าง Carbon Footprint ยิ่งบ้านมีขนาดเล็กก็ยิ่งปล่อยมลภาวะน้อยลง บ้านสไตล์นี้มักจะมีขนาดตั้งแต่ 10 ตารางเมตรถึง 40 ตารางเมตร แม้จะมีขนาดที่เล็กมากแต่ก็สามารถใช้งานได้จริง ด้วยนวัตกรรมการออกแบบอันชาญฉลาดที่เพิ่มฟังก์ชันการใช้งานบนพื้นที่ใช้สอยให้เกิดประโยชน์สูงสุด ให้มีความคุ้มค่าทุกตารางเมตร เฟอร์นิเจอร์ที่ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานได้ ชั้นวางของแนวตั้ง และพื้นที่อเนกประสงค์

22. สไตล์บ้านตู้คอนเทนเนอร์ (Container House)

บ้านสไตล์นี้ได้นำเอาตู้คอนเทนเนอร์มาดัดแปลงให้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งเริ่มพบเห็นได้มากขึ้นในปัจจุบัน นับได้ว่าเป็นไอเดียที่น่าทึ่งทีเดียวที่เราสามารถนำสิ่งเหล่านี้มาอัพไซเคิลมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และถือเป็นการตอบสนองอย่างสร้างสรรค์ต่อปัญหาขยะทั่วโลกในปัจจุบันนี้ โดยบ้านตู้คอนเทนเนอร์สามารถมีได้ตั้งแต่ตู้เดียวไปจนถึงการใช้หลายตู้เพื่อให้มีพื้นที่กว้างขวาง แม้จะมีต้นกำเนิดจากอุตสาหกรรมแต่บ้านคอนเทนเนอร์ก็สามารถให้ความสะดวกสบายได้อย่างน่าประหลาดใจ นอกจากนี้บ้านตู้คอนเทนเนอร์ยังมีความแข็งแรงทนทาน ใช้เวลาสร้างค่อนข้างไว และมีราคาย่อมเยากว่าบ้านทั่วไป นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาความแตกต่างไม่ซ้ำใคร

23. สไตล์น็อคดาวน์หรือบ้านสำเร็จรูป (Knock-Down House)

บ้านน็อคดาวน์เป็นบ้านที่สร้างโดยไร้เสาเอกหรือคาน แต่จะใช้ผนังเป็นตัวรับน้ำหนักและยึดโครงสร้างบ้านเอาไว้ โดยทั่วไปจะใช้วัสดุมวลเบาในการสร้าง เน้นความเร็วในการสร้างและมีราคาไม่แพง อายุการใช้งานเพื่อการอยู่อาศัยส่วนใหญ่จะไม่เกิน 15 ปี แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคนิคเพิ่มขึ้นเพื่อให้ตัวบ้านมีความมั่นคงและแข็งแรง ต่อเติมคานเหล็กและใช้วัสดุที่ทนทานกว่าเดิม สามารถยืดอายุการใช้งานได้ถึง 20 ปี อีกทั้งมีข้อได้เปรียบที่สำคัญคือ ลดเวลาการก่อสร้าง, สร้างขยะน้อยกว่า และต้นทุนต่ำ มักจะนิยมใช้เป็นโฮมออฟฟิศ หรือเปิดร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ และธุรกิจส่วนตัวต่าง ๆ