แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ในไทยปี 2566: Off-Plan vs. Resale

หากพูดถึงการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเทศไทย สองทางเลือกหลักสำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่คุณจะต้องนำมาพิจารณาอย่างเลี่ยงไม่ได้คืออสังหาริมทรัพย์ประเภท Off-Plan และ Resale ซึ่งแต่ละตัวเลือกก็จะมาพร้อมกับข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนั้นการศึกษาและทำความเข้าใจจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยบทความของเราจะทำการเปรียบเทียบอย่างครอบคลุมระหว่างอสังหาริมทรัพย์ประเภท Off-Plan และ Resale รวมไปถึงแนวโน้มของตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเทศไทยในปี 2566 นี้อีกด้วย

อสังหาริมทรัพย์ประเภท Off-Plan คืออะไร?

อสังหาริมทรัพย์ประเภท Off-Plan คืออสังหาริมทรัพย์ที่ทำการขายให้กับผู้ซื้อก่อนที่จะสร้าง หรือขายในระหว่างการก่อสร้างนั่นเอง เมื่อคุณตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภท Off-Plan แล้ว ต้องเข้าใจว่าการออกแบบอสังหาฯ และสื่อทางการตลาดจะขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาหรือ Developer เท่านั้น หากคุณต้องการจะปรับปรุงหรือต่อเติมก็ต้องรอจนกว่าโครงการจะก่อสร้างจนเสร็จสิ้น โดยทั่วไปแล้วอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้จะขายในราคาที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับอสังหาริมทรัพย์ในโครงการที่ก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว ทำให้มีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าของเงินทุน เนื่องจากมูลค่าอาจเพิ่มขึ้นในระหว่างการก่อสร้างตามกลไกตลาด อย่างไรก็ตามขั้นตอนการซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภท Off-Plan มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก โดยเริ่มจากการเซ็นสัญญากับ Developer, ชำระเงินมัดจำ และชำระเงินส่วนเพิ่มเติมตามกำหนดการชำระเงินที่ตกลงกันไว้จนกว่าอสังหาริมทรัพย์ของคุณจะเสร็จสมบูรณ์

อสังหาริมทรัพย์ประเภท Resale คืออะไร?

อสังหาริมทรัพย์ประเภท Resale เปรียบเสมือนอสังหาริมทรัพย์สำเร็จรูป พร้อมเข้าอยู่ ซึ่งก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้วและเคยมีเจ้าของหรือผู้ครอบครองมาก่อน หากคุณสนใจในอสังหาริมทรัพย์ประเภท Resale คุณจะสามารถตรวจสอบและประเมินคุณภาพของอสังหาริมทรัพย์ได้ทั้งภายในและภายนอกก่อนตัดสินใจทำธุรกรรม ซึ่งกระบวนการซื้อมีขั้นตอนที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับประเภท Off-Plan เนื่องจากไม่มีระยะเวลาการรอคอยในการก่อสร้าง ผู้ซื้อสามารถครอบครองได้ทันทีและมีโอกาสในการต่อรองราคากับผู้ขาย นอกจากนี้อสังหาริมทรัพย์ประเภท Resale ยังสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทำเลโดยรอบ ประวัติการบำรุงรักษา และผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า หรือที่เรียกว่า Rental Yield อีกด้วย จึงทำให้ผู้ซื้อสามารถพิจารณาได้อย่างถี่ถ้วนมากขึ้นนั่นเอง

แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ในไทยปี 2566

อ้างอิงข้อมูลจาก CBRE ประเทศไทยที่ได้เล็งเห็นถึงความยืดหยุ่นภายในแวดวงอสังหาฯ ในไทย ซึ่งครอบคลุมทั้งอสังหาริมทรัพย์ทั้งประเภท Off-Plan และ Resale เนื่องจากคาดการณ์ว่า GDP จะขยายตัวไปถึง 3.6% ในปีนี้ บรรดา Developer จึงมุ่งเน้นความสำคัญไปกับการเคลียร์สินค้าคงคลังและริเริ่มโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งในภาคส่วนการค้าปลีกและเชิงพาณิชย์คาดการณ์ในปีนี้ผู้คนจะหันมาทำธุรกรรมการเช่ามากขึ้น รวมถึงอาจหันมาปรับปรุงและรีโนเวทอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าในตลาด ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์คาดการณ์ว่าจะมีอุปสงค์ในตลาดเพิ่มขึ้น ด้วยช่องว่างด้านราคาที่แคบลงระหว่างอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 2 ประเภทอาจทำให้เกิดโอกาสที่น่าจับตามองในการลงทุน

โดยข้อมูลต่อไปนี้จะแสดงการเปรียบเทียบระหว่างอสังหาริมทรัพย์ประเภท Off-Plan และ Resale ในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น กรุงเทพมหานคร, ภูเก็ต, เกาะสมุย และเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ยอดนิยมตามสถิติการทำธุรกรรมกับ Kaibaanthai ในไตรมาสที่ 1 นี้

ตลาดอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพมหานครปี 2566

Rental Yield หรือเปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนการเช่าสำหรับอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 4% ถึง 8% ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ทำเล, ประเภทอสังหาริมทรัพย์ และสิ่งอำนวยความสะดวก เป็นต้น อย่างไรก็ตามตลาดอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ ยังคงดึงดูดนักลงทุนด้วยตัวเลขด้านเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง, การขยายตัวของชนชั้นกลาง และโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ ในขณะเดียวกันก็ต้องพิจารณาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความผันผวนในตลาด การเปลี่ยนแปลงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับอสังหาฯ และอุปทานส่วนเกิน (Oversupply) ของอสังหาริมทรัพย์บางประเภทหรือบางพื้นที่

จากข้อมูลการซื้อขายในไตรมาสที่ 1 ของ Kaibaanthai ปรากฏว่าคอนโดขนาด 1 ห้องนอนได้รับความนิยมสูงสุด ซึ่งมียอดขายสูงสุดในช่วงไตรมาสแรกถึง 38 ยูนิต ตามมาด้วยคอนโดขนาด 2 ห้องนอน, 3 ห้องนอน และห้องสตูดิโอ โดยทำเลยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ย่านพระนคร, ย่านห้วยขวาง, ย่านอโศก และย่านทองหล่อ

ในช่วงไตรมาสที่ 1 กลุ่มผู้ซื้อหลักของเราส่วนใหญ่เป็นประชากรไทย ตามมาด้วยกลุ่มผู้ซื้อจากประเทศฝรั่งเศส, อเมริกา, ไต้หวัน และสิงคโปร์

อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ข้อมูลของเราได้แสดงให้เห็นว่าจำนวนอสังหาริมทรัพย์ประเภท Off-Plan และ Resale มีความแตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน บ่งชี้ให้เห็นว่าผู้ซื้อได้นำปัจจัยนี้มาพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ เนื่องจากคอนโดโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องแต่จำนวนอสังหาริมทรัพย์ประเภท Resale กลับมีการทำธุรกรรมในจำนวนที่มากกว่า ดังแสดงในแผนภูมิด้านล่างนี้

*ทั้งนี้อาจมีปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น โครงการใหม่ในทำเลยอดนิยมอาจมีไม่มากนัก เป็นต้น

ตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ปี 2566

Kaibaanthai มีอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้น 1,593 ยูนิตสำหรับขายในเชียงใหม่ ซึ่งมีทั้งอสังหาริมทรัพย์ประเภท Off-Plan ที่กำลังอยู่ในช่วงกำลังก่อสร้างและ Resale พร้อมเข้าอยู่ อย่างไรก็ตามเป็นที่ทราบกันดีว่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย เนื่องด้วยคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่มักมาพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยที่ค่อนข้างเข้มงวด จึงทำให้ผู้ซื้อสามารถอุ่นใจได้แม้ในช่วงเวลาที่คุณไม่ได้อยู่ในเชียงใหม่ แต่คอนโดของคุณก็ยังคงมีความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้เชียงใหม่ยังเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และเป็นที่นิยมของผู้เกษียณอายุจากทั่วทุกมุมโลกอีกด้วย

จากข้อมูลการทำธุรกรรมในไตรมาสที่ 1 ของ Kaibaanthai จะเห็นว่าโครงการประเภท Resale มีจำนวนการทำธุรกรรมที่มากกว่า อาจเนื่องมาจากโครงการใหม่ ๆ ในเชียงใหม่อาจยังมีไม่มากนักในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามคาดว่าในอนาคตจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจสร้างความหลากหลายให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเชียงใหม่ได้มากทีเดียว

• ชาวต่างชาติสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเชียงใหม่ได้หรือไม่? - กฎหมายในประเทศไทยอนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถถือกรรมสิทธิ์ในอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียมได้ โดยมีข้อจำกัดและเงื่อนไขบางประการในการโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งให้ถือครองได้ในจำนวนที่จำกัดตามพระราชบัญญัติอาคารชุด (ฉบับที่ 4) พุทธศักราช 2551 มาตรา 19 ทวิ ที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถซื้อคอนโดแบบถือครองกรรมสิทธิ์อย่างสมบูรณ์ (Freehold) ได้ไม่เกินร้อยละ 49 ของพื้นที่ยูนิตทั้งหมดในโครงการคอนโดมิเนียมนั้น ๆ
• ทำไมกลุ่มผู้ซื้อในเชียงใหม่ถึงนิยมซื้อคอนโดมากกว่า? - เชียงใหม่เป็นเมืองที่มีกระแสความนิยมสูงในหมู่ผู้ซื้อชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม ด้วยเหตุผลหลายประการด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การผสมผสานด้านวัฒนธรรมดั้งเดิมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย, ภูมิทัศน์ที่สวยงามและสภาพภูมิอากาศที่ค่อนข้างหนาวเย็น, ความสะดวกในการบำรุงรักษาคอนโด รวมไปถึงสามารถเป็นเจ้าของได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายตามพระราชบัญญัติอาคารชุดที่ได้กล่าวไว้ในข้อที่แล้ว นอกจากนี้เมื่อเทียบกับเมืองอื่น ๆ ในประเทศไทยแล้ว ค่าครองชีพในเชียงใหม่ค่อนข้างสมเหตุสมผลไม่สูงจนเกินไป อีกทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเชียงใหม่ก็มีเรทราคาที่จับต้องได้ ทำให้ชาวต่างชาติเล็งเห็นถึงโอกาสในการลงทุน นับได้ว่าเป็นทำเลทองแห่งการลงทุนในคอนโดมิเนียม

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตปี 2566

การลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตสามารถการันตีผลตอบแทน Rental Yield ได้สูงถึง 4-10% ต่อปี ซึ่งจะขึ้นอยู่กับอิทธิพลจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ทำเลที่ตั้ง, สิ่งอำนวยความสะดวก และสภาวะตลาดในขณะนั้น โดยทำเลยอดนิยมของตลาดให้เช่าในภูเก็ต ได้แก่ ป่าตอง, บางเทา, กะตะ, สุรินทร์, กมลา และในหาน ซึ่งทำเลป่าตอง กะตะ และในหาน เป็นทำเลที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี หากคุณต้องการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต การพิจารณาทำเลที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์เป็นสิ่งสำคัญมาก พร้อมด้วยการบำรุงรักษาที่ดีและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยอีกด้วย

จากข้อมูลการซื้อขายของ Kaibaanthai ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปรากฏว่าคอนโดขนาด 1 ห้องนอนเป็นที่นิยมมากที่สุด ซึ่งมีจำนวนการทำธุรกรรมมากถึง 22 ยูนิต ตามมาด้วยคอนโดขนาด 2 ห้องนอน, ห้องสตูดิโอ และ 3 ห้องนอนตามลำดับ โดยทำเลชั้นนำในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ได้แก่ เชิงทะเล, กมลา และป่าตอง

ตามรายงานข้อมูลของ Kaibaanthai ในช่วงไตรมาสที่ 1 เกี่ยวกับกลุ่มผู้ซื้อหลักของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต โดยจะชี้ให้เห็นว่ากลุ่มผู้ซื้อที่โดดเด่นที่สุดคือชาวรัสเซีย รองลงมาคือกลุ่มผู้ซื้อชาวไทย, จีน, เยอรมัน และอังกฤษ

นอกจากนี้ยังแสดงถึงการเปรียบเทียบการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ประเภท Off-Plan และ Resale ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตอีกด้วยซึ่งตัวเลขค่อนข้างใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตามสำหรับการซื้อขายคอนโดมิเนียมประเภท Resale จะมีตัวเลขที่สูงกว่าประเภท Off-Plan เล็กน้อย ดังแสดงในแผนภาพ

กำหนดราคาค่าเช่าคอนโดด้วยการใช้วิธีการคำนวณ Price-to-Rent Ratio - เป็นวิธีพื้นฐานที่นำมาใช้ในการประเมินศักยภาพในการทำกำไรของอสังหาริมทรัพย์ หากอัตราส่วนที่ได้เป็นตัวเลขที่ต่ำจะหมายความว่าการซื้ออสังหาริมทรัพย์ยูนิตนี้มีความคุ้มค่ากว่าการเช่า และหากอัตราส่วนที่ได้เป็นตัวเลขที่สูงจะหมายถึงว่าการเช่ามีความคุ้มค่ากว่าการซื้อนั่นเอง โดยวิธีการคำนวณนี้มักถูกนำมาใช้เพื่อประเมินอัตราค่าเช่ารายเดือนสำหรับคอนโดทั่วไป ยกตัวอย่างยูนิตที่ขายและปล่อยเช่าจาก 2 โครงการบนเว็บไซต์ของเรา ได้แก่

• The Aspasia ยูนิตนี้เป็นห้องขนาด 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีพื้นที่ใช้สอย 240 ตารางเมตร บนชั้น 2 ราคาขาย 18.9 ล้านบาท และมีราคาค่าเช่าอยู่ที่ 82,100 บาทต่อเดือน ส่งผลให้อัตราส่วนราคาต่อค่าเช่า (Price-to-Rent Ratio) เท่ากับ 19
• The Bliss Condo by Unity ยูนิตนี้เป็นห้องขนาด 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ มีพื้นที่ใช้สอย 57 ตารางเมตร บนชั้น 3 ราคาขายสำหรับยูนิตนี้คือ 4.7 ล้านบาท และราคาค่าเช่าระยะยาวอยู่ที่ 39,000 ต่อเดือน โดยมีอัตราส่วนราคาต่อค่าเช่า (Price-to-Rent Ratio) เท่ากับ 10

*Price-to-Rent Ratio คำนวณด้วยการนำราคาขายของยูนิตนั้น ๆ มาหารด้วยราคาค่าเช่าต่อปี (ค่าเช่าต่อเดือน x 12)

ตลาดอสังหาริมทรัพย์เกาะสมุยปี 2566

ตลาดอสังหาริมทรัพย์บนเกาะสมุยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยสำคัญหลายประการ ได้แก่

• ทัศนียภาพอันงดงาม: เกาะสมุยมีสภาพแวดล้อมอันน่าหลงใหล โดยเฉพาะทิวทัศน์อันน่าทึ่งจากทำเลย่านบ่อผุด ซึ่งสามารถดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี
• อิทธิพลจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว: ความนิยมของเกาะสมุยในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติช่วยกระตุ้นความต้องการด้านที่อยู่อาศัยทั้งการซื้อขายและการเช่า ซึ่งเป็นช่องทางการลงทุนที่มีโอกาสทำผลตอบแทนที่มีประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่อง
• ดีมานด์จากชาวต่างชาติ: บนเกาะสมุยมีประชากรชาวต่างชาติอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก บ่งชี้ว่าเกาะสมุยเป็นทำเลคุณภาพสูง อีกทั้งยังผลักดันให้มีดีมานด์ในอสังหาริมทรัพย์สไตล์ตะวันตกมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากวิลล่าสมัยใหม่ที่ออกแบบให้ทันสมัยยิ่งขึ้น
• วิถีชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์: บนเกาะสมุยมีบรรยากาศของความผ่อนคลายและไม่เร่งรีบซึ่งเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจอย่างมาก โดยย่านที่เงียบสงบอย่างย่านละไมเป็นทำเลยอดนิยมสำหรับคนที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์เช่นนี้
• ความหรูหราของอสังหาริมทรัพย์: วิลล่าหรูบนเกาะสมุยมีหลายโครงการมาก รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ก็สามารถเพิ่มแรงดึงดูดให้กับนักลงทุนและกลุ่มผู้ซื้อที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามเช่นเดียวกัน
• โครงสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุม: มีการพัฒนาและปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกและระบบสาธารณูปโภคอยู่เสมอบนเกาะสมุย ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาล, โรงเรียน และการปรับปรุงท่าเรือราชาเฟอร์รี่ ก็สามารถช่วยเพิ่มความน่าอยู่อาศัยในระยะยาวให้กับย่านนั้นได้เป็นอย่างดี

โครงการคอนโดมิเนียมบนเกาะสมุยมีอยู่ค่อนข้างจำกัดจึงทำให้ที่อยู่อาศัยประเภทบ้านและวิลล่ามีความนิยมมากกว่า จากบันทึกการทำธุรกรรมของ Kaibaanthai ในช่วงไตรมาสที่ 1 แสดงให้เห็นว่าทำเลย่านบ่อผุดและแม่น้ำเป็นทำเลทองของเกาะสมุยในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งการซื้อขายสูงสุดจะเป็นบ้านและวิลล่าขนาด 3 ห้องนอน ตามมาด้วยขนาด 2 ห้องนอน และ 4 ห้องนอนตามลำดับ โดยราคาเฉลี่ยสำหรับอสังหาริมทรัพย์แต่ละประเภทสามารถดูได้จากตารางต่อไปนี้

ประเด็นสำคัญ

จากข้อมูลดัชนี ROI จากเว็บไซต์ CEOWORLD Magazine การจัดอันดับ 50 เมืองจากทั่วโลกที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปรากฏข้อมูลว่าประเทศไทยครองถึง 3 ตำแหน่งใน 10 อันดับแรก ได้แก่ ภูเก็ต, พัทยา และกรุงเทพมหานคร ซึ่งครองอันดับที่ 4, 8 และ 9 ตามลำดับ แสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นในตลาดอสังหาริมทรัพย์โลก ซึ่งนอกจากที่พื้นที่เหล่านี้จะให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on Investment: ROI) ที่ดีแล้ว ก็ยังการันตีผลตอบแทนจากการเช่า (Rental Yield) ที่ดีอีกด้วย รวมถึงตัวเลขด้านอ่าน ๆ ด้วยเช่นเดียวกัน ดังตารางที่จะแสดงต่อไปนี้

ไม่นานมานี้ได้มีปรับมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ Loan-to-Value: LTV โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมาตรการนี้พุ่งเป้าไปที่การควบคุมจำนวนเงินกู้ที่ให้กู้เพิ่มได้ 10% ช่วยส่งเสริมให้ประชาชนเป็นเจ้าของบ้านหลังแรกได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงยังช่วยป้องกันหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงและป้องกันหนี้เสียที่อาจเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้ยังมีการผ่อนปรนมาตรการ LTV สำหรับผู้กู้ร่วมอีกด้วยเพื่อไม่ให้มีผลกระทบจากมาตรการที่แล้วนั่นเอง สิ่งนี้ส่งผลต่อกลไกตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ ซึ่งส่งผลดีต่อผู้ซื้อในประเทศค่อนข้างมากและทำให้ผู้ซื้อในประเทศมีอำนาจเหนือกว่ากลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติ

โดยมาตรการดังกล่าวนี้ได้ถูกระงับชั่วคราวตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2564 เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์จากการระบาดของโควิด-19 การคืนสถานะของมาตรการนี้อาจส่งผลกระทบต่อยอดขายคอนโด รวมถึงอัตราดอกเบี้ยและต้นทุนการก่อสร้างอาจทำให้การฟื้นตัวของตลาดคอนโดช้าลง ทำให้เป้าหมายของกลุ่มผู้ซื้อในประเทศมีการเปลี่ยนแปลงที่หันไปยังตลาดแนวราบมากขึ้น แต่คาดการณ์ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์โดยรวมจะมีการเติบโต 5-10% ในปีนี้หลังจากค่อย ๆ เริ่มฟื้นตัวจากผลกระทบของการระบาดครั้งใหญ่

คำถามที่พบบ่อย

Q: ราคาอสังหาริมทรัพย์ในไทยจะลดลงหรือไม่ในปี 2566 นี้?

A: ยังไม่สามารถฟันธงได้อย่างแน่นอนว่าราคาจะลดลงในปีนี้หรือไม่ เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น อุปทานส่วนเกินและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจส่งผลกระทบต่อตลาด แต่อย่างไรก็ตาม CBRE ก็ได้คาดการณ์ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยจะมีการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะตลาดคอนโดในกรุงเทพมหานคร

Q: ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 เป็นอย่างไร?

A: แม้ว่าอสังหาริมทรัพย์ในช่วงราคา 2 - 5 ล้านบาทจะล้นตลาด และมีการคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยก็มีแนวโน้มที่ดีในปีนี้ ซึ่งบรรดาผู้ประกอบการหรือ Developer ต่างมุ่งเน้นไปที่โครงการบ้านแนวราบและนวัตกรรมใหม่ ๆ ในบ้าน ในขณะเดียวกันการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ก็มีแนวโน้มที่จะกระจุกตัวอยู่ในใจกลางกรุงเทพมหานครและบริเวณที่มีโครงการรถไฟฟ้าสร้างใหม่

Q: ทำเลที่เหมาะสมต่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย

A: ในความคิดเห็นส่วนตัวของเราคิดว่าทำเลชั้นนำในไทยที่เหมาะแก่การลงทุนด้านอสังหาฯ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, ภูเก็ต, เชียงใหม่, หัวหิน, พัทยา และเกาะสมุย เป็นต้น อย่างไรก็ตามคุณควรศึกษาภาพรวมของแต่ละพื้นที่อย่างถี่ถ้วนเพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และเป้าหมายการลงทุนของตนเองค่ะ

คลิกเลย