เศรษฐา ทวีสิน อดีตประธานบริษัทแสนสิริ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ที่เพิ่งได้เข้าพิธีปฏิญาณตนเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยในนามของพรรคเพื่อไทย โดยมีการลาออกอย่างเป็นทางการและทำการโอนหุ้นทั้งหมดของแสนสิริให้กับบุตรสาว ชนันดา ทวีสิน จากนั้นจึงได้กระโดดจากวงการธุรกิจมาสู้การเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ในนามพรรคเพื่อไทย ในช่วงที่ยังโลดแล่นอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ แสนสิริได้เผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจหลายเหตุการณ์ด้วยกัน เช่น วิกฤติต้มยำกุ้ง และการขยายธุรกิจออกไปทั่วโกล เป็นต้น ซึ่งด้วยประวัติการทำงานและนโยบายของพรรคที่ประกาศต่อสู้กับความยากจนและความเหลื่อมล้ำ จึงทำให้การเข้าสู่วงการการเมืองของนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของเราเป็นที่น่าจับตามองจากสังคมอย่างมาก
อ้างอิง: https://www.thansettakij.com/real-estate/574128
จากคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด ได้มีการชี้แจงความคืบหน้าเพื่อรับมือกับปัญหาที่กำลังเผชิญ โดยจะดำเนินการร่วมกับลูกบ้านหรือเจ้าของร่วม ดังนี้
1) จัดหาที่ดินเพิ่มเติมให้เป็นไปตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 33 และขอใบอนุญาตก่อสร้างใหม่ โดยประมาณระยะเวลา 6 เดือนนับจากการได้มาซึ่งที่ดิน
2) ยื่นคำร้องเพื่อพิจารณาคดีใหม่ต่อศาลปกครอง
3) ประสานงานกับเจ้าของที่ดินเดิมเพื่อเรียกคืนที่ดินที่ยังไม่ได้ใช้ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)
4) เสนอแนะการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการเวนคืนที่ดิน
5) เสนอแนะให้เปลี่ยนแปลงข้อบังคับเกี่ยวกับที่ตั้งอาคาร นอกจากนี้บริษัทยังประสานงานกับสถาบันการเงินรายใหญ่เพื่อช่วยเหลือเจ้าของร่วมในการผ่อนชำระสินเชื่อ
อ้างอิง: https://www.bangkokbiznews.com/property/1084861
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเพื่อขจัดความเข้าใจผิด เกี่ยวกับข้อเรียกร้องเรื่องที่ดินที่ซึ่งอาจได้มาอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยทางบริษัทได้เน้นย้ำว่าการซื้อที่ดินบนถนนสุขุมวิทที่ติดกับซอยสุขุมวิท 12 ในปี พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา ดำเนินไปอย่างโปร่งใสและถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งทางบริษัทแสนสิริได้ทำการซื้อพื้นที่ดินขนาด 890.5 ตารางวา ซื้อขายหลักทรัพย์ในอัตราเทียบเคียงตารางวาละ 1.95 ล้านบาท โดยรวมเป็นมูลค่ากว่า 1.73 หมื่นล้านบาท ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดด้วยตนเอง อย่างไรก็ตามทางแสนสิริได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท ศิวา แลนด์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินคนก่อนและไม่เคยทำธุรกิจใด ๆ กับบริษัท คราวน์ ซิตี้ จำกัด นอกจากนี้ทางแสนสิริได้ปฏิเสธการโอนเงินระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายครั้งนี้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม แสนสิริตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและถูกต้องตามกฎหมายเสมอมา
อ้างอิง: https://www.bangkokbiznews.com/property/1084591
ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงแสดงแนวโน้มที่หลากหลาย ดังที่เปิดเผยในรายงานตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยของ DDproperty ในไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2566 แม้ว่าดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ จะเพิ่มขึ้นทุกไตรมาสแต่ก็เพิ่มขึ้นในจำนวนเล็กน้อยประมาณ 1% แต่ตัวเลขโดยรวมยังคงลดลงมากถึง 6% YoY และลดลงอย่างมากถึง 10% นับตั้งแต่ระดับก่อนวิกฤตโควิด 19 ในปี 2019 ที่ผ่านมา โดยตัวเลขเหล่านี้ได้สะท้อนถึงความซบเซาของราคาที่อยู่อาศัยในระยะยาว แม้ว่าจะมีการปรับขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้น แต่การเพิ่มขึ้นนี้ได้ถูกบรรเทาลงด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจต่าง ๆ เช่น หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงสุดในรอบ 15 ปี และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงอยู่ที่ 55.6 อย่างไรก็ตามนายวิทยา อภิรักษ์วิริยะ ผู้จัดการทั่วไป Think of Living และ DDproperty (ฝั่งดีเวลลอปเปอร์) ได้กล่าวถึงความจำเป็นในการวางแผนทางการเงินเชิงกลยุทธ์สำหรับผู้ที่มีกำลังซื้อในช่วงสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ในขณะเดียวกันกระแสของ “Generation Rent” มีแรงกระเพื่อมอย่างมาก โดยมีความต้องการการเช่าพุ่งสูงขึ้นถึง 108% เนื่องจากคนรุ่นใหม่เลือกที่จะเช่าเนื่องจากมีความยืดหยุ่นทางการเงินมากกว่าการเป็นเจ้าของบ้าน
อ้างอิง: https://www.bangkokbiznews.com/property/1084986
ไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2566 พฤกษา โฮลดิ้ง ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของไทย ได้รายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 141% เป็น 1,038 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากการดำเนินงานอย่างแข็งแกร่งของทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์และการดูแลสุขภาพ ในด้านอสังหาริมทรัพย์มียอดขายถึง 4,650 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน โดยได้แรงหนุนจากโครงการที่ประสบความสำเร็จอย่าง “พลัม คอนโด นิว เวสต์ - Plum Condo New West” ในขณะเดียวกันธุรกิจ Health Care เผยรายได้ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 117% มีมูลค่าถึง 440 ล้านบาท ด้วยความร่วมมือกับผู้ให้บริการด้านสุขภาพดิจิทัล “Nalluri” และการขยายโรงพยาบาลวิมุต บ่งชี้ถึงการขับเคลื่อนเชิงกลยุทธ์สู่โซลูชั่นด้านสุขภาพแบบครบวงจร นอกจากนี้สถาบันไทยพัฒน์ในกลุ่มหลักทรัพย์ ESG 100 ก็ได้รับการยกย่องจากสถาบันพฤกษา ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสังคม
อ้างอิง: https://www.thansettakij.com/real-estate/573924