ข่าวอสังหาริมทรัพย์ประเทศไทย ประจำวันที่ 28 สิงหาคม - 1 กันยายน 2566

จับตาการลงทุนคอนโดจากต่างชาติ สัญญาณบวกจากมาตรการริเริ่มจากรัฐบาลใหม่

ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้ แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับส่งสัญญาณการฟื้นตัวตามรายงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ (REIC) ซึ่งส่งผลมาจากนโยบายของรัฐบาล “เศรษฐา1” และการรื้อฟื้นมาตรการ LTV รวมถึงโครงการริเริ่มปลอดวีซ่าสำหรับชาวจีนและอินเดีย ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นการกระตุ้นตลาดได้อย่างดี นอกจากนี้กรรมสิทธิ์ในคอนโดมิเนียมของชาวต่างชาติที่ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน เพิ่มขึ้นถึง 65.6% ของการโอนกรรมสิทธิ์ต่อยูนิต และ 57.8% ของมูลค่าการโอนเมื่อเทียบเป็นรายปี อย่างไรก็ตามก็ยังมีปัญหาที่ตามมาหลายประการ เช่น อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และหนี้ครัวเรือนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งยังคงเป็นความท้าท้ายของตลาดในปัจจุบัน

อย่างไรก็ดีการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยมีความเชื่อมโยงที่ซับซ้อนกับนโนบายเศรษฐกิจในวงกว้าง มาตรการจากรัฐบาลนั้นเน้นการสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งมีความสำคัญต่อการเติบโตของตลาด แต่ก็ยังมีช่องโหว่อีกมากมายที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

อ้างอิง: https://www.thansettakij.com/real-estate/574793

ดีมานด์คอนโดพุ่ง! เจาะตลาดกลุ่มคนทำงานนิคมอุตสาหกรรมชลบุรี

L.P.N. ทุ่มตลาดนิคมอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ด้วยโครงการ ‘Earn by L.P.N.’ โครงการคอนโดมิเนียมมูลค่ากว่า 2,124 ล้านบาท โดยโครงการมุ่งเป้าไปที่กลุ่มประชากรคนงานและนักลงทุนรุ่นใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของคนทำงานในอุตสหกรรมกว่า 100,000 คน ในนิคมอุตสาหกรรมชลบุรี โครงการประกอบด้วย 1,810 ยูนิต ซึ่งคาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน 2567 อย่างไรก็ตามทางบริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายไว้กว่า 13,000 ล้านบาท และ ในช่วงแปดเดือนที่ผ่านมาก็ได้บรรลุเป้าไปแล้วกว่า 50% ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจในวงกว้าง การรุกตลาดด้วยเชิงกลยุทธ์ในเขตอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต ได้แสดงให้เห็นถึงแนวทางการตอบสนองที่จะส่งผลต่อการฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นอย่างดี

อ้างอิง: https://www.bangkokbiznews.com/property/1086407

สมาคมรับสร้างบ้าน เปิดตัวงานมหกรรมฟื้นตลาดที่อยู่อาศัยไทย

ด้วยเศรษฐกิจที่ผันผวนและอัตราดอกเบี้ยนโยบายประจำปีที่ปรับขึ้น 0.25% สมาคมรับสร้างบ้านแห่งประเทศไทยยังคงจับตามองแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยในครึ่งปีหลัง 2566 ด้วยความระมัดระวัง โดยนายโอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมรับสร้างบ้านแห่งประเทศไทย ได้รับรู้ถึงความท้าทายหลายประการในตลาดที่อยู่อาศัย อีกทั้งยังต้องเผชิญกับอุตสาหกรรมรวมทั้งต้นทุนแรงงานและราคาวัสดุที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตามเขาได้เน้นย้ำถึงมาตรการการรับมือเชิงกลยุทธ์ ที่มุ่งเร่งการตัดสินใจของผู้บริโภคในตลาดที่ซบเซาเช่นนี้ ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในการกระตุ้นดีมานด์คือการเปิดตัว “งานมหกรรมผลิตภันฑ์เกี่ยวกับบ้านและวัสดุประจำปี 2023” ซึ่งได้รวมผู้ที่มีความเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมให้เป็นหนึ่งเดียว รวมไปถึงยังดึงดูดด้วยสิ่งจูงใจมากมายให้กับผู้ที่มีแนวโน้มอยากสร้างบ้าน งานมหกรรมนี้ต้องการที่จะขยายขอบเขตของอุตสาหกรรมให้ไปไกลกว่าแค่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่งเสริมการเติบโตในระดับภูมิภาคและดึงดูดสมาชิกใหม่เข้าสู่สมาคม

อ้างอิง: https://www.bangkokbiznews.com/property/1086064

อสังหาฯไทยขยายตัว ขับเคลื่อนโดยโครงการมิกซ์ยูส!

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) จัดสมนาระดับสูงร่วมกับภาคเอกชนไทยและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินภูมิทัศน์ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องของโครงการมิกซ์ยูส และโครงการที่เน้นเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน (TODs) ซึ่งผู้ช่วยผู้อำนวยการ สิทธิเเพ็ญ สริทธิทัตพงศ์ กล่าวว่า “โครงการมิกซ์ยูสกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องบริเวณสถานีขนส่งมวลชน ซึ่งมันจะมีส่วนช่วยในการกระตุ้มเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยโครงการใหม่กว่า 126 โครงการทั้งที่สร้างเสร็จแล้วและกำลังดำเนินการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล” โดยโครงการมิกซ์ยูสเหล่านี้จะเน้นที่การขยายพื้นที่ค้าปลีกหรือรีเทล และการใช้ประโยชน์จากโมเดล TOD โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตปทุมวันที่มีโครงการผุดขึ้นใหม่กว่า 15% ของการพัฒนาที่กำลังดำเนินการในขณะนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเซ็นทรัลพัฒนาและเดอะมอลล์กำลังลงทุนอย่างแข็งขัน และร่างกฎหมายเพื่อดำเนินการสนับสนุนโครงการ TOD เพื่อผลักดันและกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศไทย

อ้างอิง: https://www.bangkokbiznews.com/property/1085994

ตลาดบ้านหรูยังคงไปต่อได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

เมื่อเผชิญกับความผันผวนทางเศรษฐกิจและการเมือง ทำให้นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยต้องหันไปหาเซฟโซนอย่างตลาดที่อยู่อาศัยระดับลักซ์ชัวรีและซูเปอร์ลักซ์ชัวรีมากขึ้น ซึ่งกลุ่มตลาดเหล่านี้รองรับผู้ซื้อที่มีรายได้สูงและมีความเสี่ยงด้านสินเชื่อต่ำมาก นับได้ว่าตลาดบ้านหรูยังคงแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ที่จะแสดงสัญญาณการหดตัว อย่างไรก็ดีบริษัทนักพัฒนาต่าง ๆ เช่น แอสเสท ไฟว์ กรุ๊ป และอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ได้เปิดตัวโครงการมูลค่าหลายพันล้านบาท เน้นบ้านเดี่ยวในทำเลที่มีมูลค่าสูง นอกจากนี้บริษัทแสนสิริยังมีแผนเปิดโครงการใหม่ถึง 39 โครงการ เน้นกลุ่มลักซ์ชัวรี ในขณะที่สิงห์ เอสเตท ตั้งเป้าพัฒนาโครงการมูลค่าสูง 5 โครงการ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยการรุกตลาดบ้านหรูนี้เกิดขึ้นจากที่ยังมีดีมานด์ในตลาดและกำลังซื้อที่แข็งแกร่งของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นบุคคลที่มีรายได้สูง ส่งผลให้ตลาดบ้านหรูเป็น ‘เซฟโซน’ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่มีความผันผวนสูงขึ้น

อ้างอิง: https://www.bangkokbiznews.com/property/1085972