1. Advice
  2. ซื้อบ้านในไทย: คำแนะนำในการซื้อบ้าน
  3. ซื้อบ้านในไทย: ทำไมต้องซื้อบ้านในไทย?
  4. พุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่จีน-รัสเซียแห่ซื้ออสังหาฯไทยปี 2566

พุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่จีน-รัสเซียแห่ซื้ออสังหาฯไทยปี 2566

KaiBaanThai
โดย KaiBaanThai
Gate Thanyathorn
แก้ไขโดย Gate Thanyathorn
Panatda Choochuay
ตรวจสอบโดย Panatda Choochuay
จีน-รัสเซียลงทุนซื้อบ้านในไทย

ผู้ซื้อชาวจีนและรัสเซียกำลังหลั่งใหลเข้ามาทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทยอย่างล้นลามและต่อเนื่องทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความคึกคักเป็นอย่างมาก ซึ่งเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างกรุงเทพฯ ภูเก็ต และพัทยา ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดคอนโดหรูหรือคอนโดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในกรุงเทพฯ ในขณะที่ตลาดวิลล่าสุดหรูในภูเก็ตก็ถูกสร้างขึ้นใหม่มากมายเพื่อเสนอขายให้แก่นักลงทุนจีน-รัสเซีย ทำให้ยอดขายพุ่งสูงขึ้นแบบฉุดไม่อยู่ นอกจากนี้คอนโดราคาประหยัดและมีศักยภาพสูงในพัทยาก็ยังคงดึงดูดผู้ซื้อชาวต่างชาติรวมไปถึงผู้ซื้อจากจีนและรัสเซียไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยการคาดการณ์การฟื้นตัวด้านอสังหาริมทรัพย์ในไทยที่สดใสในปี 2566 จะทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยพุ่งแรงด้วยแรงสนับสนุนจากผู้ซื้อชาวต่างชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ซื้อชาวจีนและรัสเซียนั่นเอง

ภาพรวมตลาดอสังหาฯไทยปี 2566

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยในปี 2566 มีทั้งความท้าทายและโอกาสที่หลากหลาย หลังจากที่พ้นจากช่วงโควิด-19 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2565 ทำให้เหล่าบรรดานักพัฒนาได้เปิดตัวโครงการใหม่ ๆ ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโด และวิลล่าเป็นจำนวนมากในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2565 โดยมีโครงการใหม่ถูกเปิดตัวถึง 387 โครงการ ซึ่งเพิ่มขึ้น 37.2% เมื่อเทียบกับปี 2564 และมีจำนวนยูนิตที่ถูกเปิดขายเพิ่มขึ้นถึง 100,417 ยูนิต หรือเพิ่มขึ้น 76.1% ซึ่งสร้างมูลค่ารวมถึง 441,463 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 67.4% ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงที่สุดในรอบ 3 ปีหลังจากการระบาดของโควิด-19 ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส

สำหรับคาดการณ์ตลาดอสังหาฯ ในประเทศไทยในปี 2566 คาดว่าจะเติบโตได้ประมาณ 4.2% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลัก ๆ 3 ประการ ได้แก่ 1. การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย 2. การกลับมาของกำลังซื้อต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนและรัสเซีย 3. มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ จากภาครัฐ อาทิ มาตรการผ่อนปรนเกณฑ์ LTV และมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอน-จำนอง​​ ซึ่งคาดการณ์การเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2566 จะอยู่ที่ 98,581 ยูนิต แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 40,270 ยูนิต และบ้านจัดสรร 58,312 ยูนิต

แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2566

แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยในปี 2566 แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายและมีการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้น เช่น อสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน บ้านอัจฉริยะระบบดิจิทัล และพื้นที่อยู่อาศัยและที่ทำงานร่วมกัน ซึ่งแต่ละเทรนด์กำลังขับเคลื่อนความต้องการของผู้ซื้อบ้านและนักลงทุนในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในความชอบของผู้บริโภคและวิวัฒนาการของความต้องการด้านไลฟ์สไตล์มากขึ้น

  • อสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน: เพื่อตอบสนองต่อการตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น โดยมีการริเริ่มของรัฐบาล ซึ่งนักพัฒนาโครงการต่าง ๆ ในไทยกำลังมุ่งเน้นไปที่การสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมีความยั่งยืนและคุ้มค่า ด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น การประหยัดการใช้พลังงาน การใช้วัสดุอุปกรณ์และการสร้างสรรค์พื้นที่ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

    โดยนักพัฒนาโครงการในไทยกำลังเปิดรับกระแสโลกที่ก้าวไปสู่การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน โดยผสมผสานการออกแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเข้ากับโครงการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่สำคัญ ๆ เช่น กรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต ซึ่งในปัจจุบันกรุงเทพฯ จะเต็มไปด้วยคอนโดระฟ้ารูปแบบใหม่ที่มีพื้นที่สีเขียวมากขึ้น ในขณะที่วิลล่าริมชายหาดในภูเก็ตก็หันมาใช้พลังงานหมุนเวียนผ่านแผงโซลาร์เซลล์ และคอนโดในพัทยากำลังลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้วัสดุก่อสร้างที่ยั่งยืน และนำเทคโนโลยีสมาร์ทโฮมเข้ามาประยุกต์ใช้ ซึ่งได้รับการส่งเสริมจากภาพรัฐบาล ทำให้ขยายความต้องการอสังหาริมทรัพย์ที่ยั่งยืนในหมู่ผู้ซื้อในประเทศและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น

  • บ้านอัจฉริยะและระบบดิจิทัล: เป็นบ้านที่ใช้เทคโนโลยี IoT หรือ Internet of Things มาใช้ในการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้าน โดยมีการสั่งงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้อยู่อาศัย รวมไปถึงเทคโนโลยีอีกหลาย ๆ อย่างที่บ้านอัจฉริยะหรือสมาร์ทโฮมทำได้ในโลกยุคดิจิทัล บ้านอัจฉริยะนั้นสามารถช่วยเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัย ในขณะที่แพลตฟอร์มดิจิทัลช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการทำธุรกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ได้เปิดตลาดให้กับนักลงทุนต่างชาติ

    ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยโดยเฉพาะพื้นที่ย่านใจกลางเมืองอย่างกรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล โดยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดจากการนำเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะมาใช้อย่างแพร่หลาย โดยบ้านที่มีการติดตั้งระบบอัตโนมัติเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น และการทำธุรกรรมและการดำเนินการด้านอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบดิจิทัล นักลงทุนและเจ้าของบ้านต่างก็ตระหนักถึงคุณค่าของการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้กับอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเพิ่มความสะดวกสบายประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตมากขึ้น การเปลี่ยนไปสู่บ้านอัจฉริยะนี้กำลังเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิตของผู้คน ซึ่งมีนวัตกรรมที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI ระบบอัตโนมัติในบ้าน และเทคโนโลยีประหยัดพลังงานกำลังกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นเรื่อย ๆ

  • พื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำงานร่วมกัน: เทรนด์การทำงานและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของคนในปัจจุบันได้กระตุ้นการเติบโตของการใช้พื้นที่ co-living และ co-working space ในประเทศไทย โดยนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ปรับตัวเพื่อนำเสนอสิ่งอำนวยความสะดวกแบบผสมผสานและเป็นส่วนตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยที่มีความยืดหยุ่น

    Co-living และ co-working space ในประเทศไทยเป็นตัวกำหนดอนาคตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยนำเสนอแนวทางสำหรับการใช้ชีวิตและสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีรูปแบบใหม่ ซึ่งเทรนด์นี้ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในหมู่ประชากรวัยหนุ่มสาว ในปี 2566 พื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำงานร่วมกันมีการเติบโตอย่างมาก ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตและการทำงานแบบดั้งเดิม ในเมืองต่าง ๆ เช่น กรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต โดยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อรองรับความต้องการด้านไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้อยู่อาศัยในเมืองนั่นเอง 

แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในอสังหาริมทรัพย์คืออะไร?

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในอสังหาริมทรัพย์ หมายถึง การลงทุนของบุคคล บริษัท หรือสถาบันต่างชาติในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการได้มาโดยตรงหรือการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เช่น อาคารที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ หรืออุตสาหกรรม โดยนักลงทุนชาวต่างชาติ

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีบทบาทสำคัญในการเติบโตและการพัฒนาภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย โดยนำเงินทุน ความเชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีจากภายนอกเข้ามา การลงทุนเหล่านี้มีส่วนช่วยในการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ การสร้างโอกาสในการจ้างงาน และการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

รัฐบาลไทยดำเนินนโยบายและกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกและสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยสร้างแรงจูงใจและปรับปรุงกระบวนการสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้ประเทศไทยสามารถดึงดูด FDI ด้านอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากประเทศต่าง ๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และฮ่องกง

การหลั่งไหลเข้ามาของการลงทุนจากต่างประเทศนี้มีส่วนสนับสนุนการพัฒนาโครงการที่โดดเด่น เช่น คอนโดมิเนียมหรู โรงแรม ห้างสรรพสินค้า และโครงการมิกซ์ยูส ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มภูมิทัศน์ของเมืองและขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย

การท่องเที่ยวมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูอสังหาริมทรัพย์

การท่องเที่ยวในประเทศไทยได้มีบทบาทสำคัญในการช่วยฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์ ดังจะเห็นได้จากการจดทะเบียนธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้รายงานการจดทะเบียนใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว 2,579 ราย เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากจำนวนเดิม โดยเพิ่มทุนจดทะเบียนขึ้น 135% เป็น 6.66 พันล้านบาท​ โดยรวมแล้วมีผู้จดทะเบียนใหม่ด้านการท่องเที่ยว 32,223 รายในทุกภาค เพิ่มขึ้น 16.2%​

ในเดือนเมษายนปี 2566 มีธุรกิจจดทะเบียน 6,041 แห่ง เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบเป็นรายปี แม้ว่าทุนจดทะเบียนจะลดลง 88% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าก็ตาม ภาคส่วนหลักสำหรับการจดทะเบียนใหม่ ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ การก่อสร้างอาคารทั่วไป โรงแรมและภัตตาคาร โดยเน้นความเชื่อมโยงระหว่างการท่องเที่ยวและการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์​

ยอดจดทะเบียนส่วนใหญ่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท คิดเป็น 65.7% ของทั้งหมด ยอดจดทะเบียนตั้งแต่ 1 ถึง 5 ล้านบาท คิดเป็น 32.9% ในขณะที่ธุรกิจที่มีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท คิดเป็นเพียง 0.30%​

แม้จะมีแนวโน้มเชิงบวก แต่เดือนเมษายนมีบริษัท 936 แห่งหยุดดำเนินการ เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนหน้า ภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ การก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและภัตตาคาร​ อย่างไรก็ตาม ณ วันที่ 30 เมษายน 2566 ประเทศไทยมีบริษัทที่ดำเนินการอยู่ 871,041 แห่ง มีมูลค่าเงินทุนรวม 21.2 ล้านล้านบาท ซึ่งบ่งชี้ถึงศักยภาพทางธุรกิจที่แข็งแกร่งที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้นนั่นเอง

นักท่องเที่ยวรัสเซียทะลักภูเก็ต

การหลั่งไหลเข้ามาอย่างล้นหลามของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียในภูเก็ตมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ประการแรก การผ่อนปรนข้อจำกัดในการเดินทางและการเปิดพรมแดนระหว่างประเทศทำให้ชาวรัสเซียสามารถเข้ามาท่องเที่ยวในเกาะภูเก็ตได้ง่ายขึ้น การมีเที่ยวบินตรงสำหรับนักเดินทางชาวรัสเซีย และอีกประการคือสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ชาวรัสเซียเรือนแสนหลบหลีภัยเข้ามายังภูเก็ต

นอกจากนี้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างเงินรูเบิลรัสเซียและเงินบาทนั้นดีมาก ทำให้ภูเก็ตกลายมาเป็นจุดหมายปลายทางที่ประหยัดและดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้น เนื่องจากภูเก็ตมีชื่อเสียงในฐานะเป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยและเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก อีกทั้งยังมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับการพัฒนาอย่างดี และสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ภาคธุรกิจต่าง ๆ ในภูเก็ตได้ปรับตัวเพื่อให้เข้ากับตลาดนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่เข้ามา โดยการนำเสนอบริการและประสบการณ์ที่น่าประทับใจ เช่น พนักงานที่สามารถสื่อสารภาษารัสเซียได้อย่างคล่องแคล่ว และการศึกษาเฉพาะทาง

ในเดือนเมษายนที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียจำนวน 63,476 คนเดินทางเข้ามาภูเก็ต ซึ่งมีส่วนทำให้สถานการณ์การท่องเที่ยวของเกาะภูเก็ตมีความคึกคัก​ ในขณะเดียวกันชาวรัสเซียก็มีบทบาทสำคัญในตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วย ซึ่งปีที่แล้วชาวรัสเซียก็ได้กลายมาเป็นผู้ซื้อคอนโดรายใหญ่ที่สุดบนเกาะภูเก็ต โดยคิดเป็น 40% ของการถือครองคอนโดทั้งหมด​ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 พวกเขาซื้อคอนโดทั้งหมด 74 ยูนิต ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 54 ยูนิตในปี 2564​ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของรัสเซียที่พุ่งสูงขึ้นนี้ดูเหมือนจะได้รับแรงกระตุ้นจากหลายปัจจัยร่วมกัน ซึ่งรวมถึงความกังวลของนักลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสงคราม และการเข้าสู่ "ช่วงไฮซีซัน" ในไม่กี่เดือนข้างหน้า และด้วยการกระตุ้นจากนายหน้าหรือเอเจ้นท์นั่นเอง

ผู้ซื้อชาวจีนแห่กันกลับเข้ามายังตลาดชลบุรี

ผู้ซื้อชาวจีนแห่กลับเข้ามาสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชลบุรีในปี 2566 หลังจากการเปิดประเทศของจีนและการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวของพัทยาและจังหวัดชลบุรี ผู้ซื้อชาวจีนในฐานะที่เป็นกลุ่มผู้ซื้อต่างชาติชั้นนำของไทยติดต่อกันยาวนานเป็นปีที่ 5 ยังคงให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย โดยมียอดโอนคอนโดรวมทั้งหมด 3,567 ยูนิต มีมูลค่า 10,200 ล้านบาทในปี 2565 อีกทั้งยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอสังหาริมทรัพย์ประเภทพูลวิลล่าสุดหรูขนาด 3 ห้องนอนที่มีราคาสูงกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งตลาดอสังหาฯ ในชลบุรีได้โชว์ศักยภาพในผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูง ทำให้สามารถดึงดูดนักลงทุนทั้งชาวจีนและรัสเซียได้เป็นอย่างดี

จังหวัดที่มีผลต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากที่สุด

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยในปี 2566 นำเสนอโอกาสที่น่าตื่นเต้นสำหรับผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศด้วยทางเลือกการลงทุนที่หลากหลาย จังหวัดยอดนิยมอย่างกรุงเทพฯ ภูเก็ต และพัทยามีความโดดเด่นในการนำเสนอโอกาสการลงทุนที่หลากหลาย

“ณัฏฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการของบริษัทที่ปรึกษาแห่งหนึ่งกล่าวว่า “ผู้ซื้อบ้านชาวจีนและรัสเซียกำลังต้องการซื้อบ้านและคอนโดในภูเก็ตอย่างแข็งขัน”

เขายังเสริมว่า "เราได้เห็นผู้ซื้อชาวรัสเซียจำนวนมากที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยอย่างถาวรในเกาะภูเก็ต ชาวรัสเซียมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะย้ายเข้ามาอยู่อาศัยในภูเก็ต" นอกจากนี้ณัฏฐา คหาปนะยังกล่าวอีกว่า "เราคาดว่าจะมีนักลงทุนชาวจีนเข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้นประมาณ 7-8 เดือนหลังจากนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามา"

นอกจากนี้ดัชนีราคาบ้านเดี่ยวยังเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบเป็นรายปี และดัชนีอุปสงค์เพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 58% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาด กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจระดับโลกที่มีความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า เพื่อรองรับทั้งนักท่องเที่ยวและผู้อยู่อาศัยในระยะยาว ในทางกลับกันพัทยาและภูเก็ต เป็นจุดหมายปลายทางของทั้งนักลงทุนและผู้ซื้อที่ต้องการการพักผ่อนที่หรูหรา โดยวิลล่าได้รับความนิยมมากกว่าคอนโด เนื่องจากผู้ซื้อต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19

REIC.co.th ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์

REIC.co.th ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ของไทย นำเสนอข้อมูลเชิงลึกและข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับตลาดอย่างชัดเจน โดยเผยข้อมูลล่าสุดในปี 2565 ว่าผู้ซื้อชาวจีน สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส รัสเซีย และพม่า เป็นผู้ซื้อคอนโดต่างชาติอันดับต้น ๆ ของไทย โดยชาวจีนมีสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของการซื้อคอนโดทั้งหมด อย่างไรก็ตามไตรมาสที่สามของปี 2565 มีการเปลี่ยนแปลงโดยมีชาวอังกฤษและเยอรมนีเป็นประเทศที่มีการซื้อคอนโดสูงสุดติด 5 อันดับแรก

ในปี 2566 มีผู้ซื้อชาวจีนซื้อคอนโดเพิ่มจำนวนมากขึ้น เนื่องจากจีนผ่อนปรนข้อจำกัดเรื่องโควิด-19 โครงการอสังหาริมทรัพย์ในไทยโดยเฉพาะในพื้นที่สำคัญ เช่น กรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต ก็ได้ถูกสร้างเป็นโครงการบ้านและคอนโดพร้อมอยู่มากขึ้น ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ผู้ซื้อต่างชาติชื่นชอบอย่างมากในช่วงก่อนเกิดโรคระบาด

โดยมีคอนโดเปิดใหม่ในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ประมาณ 7,000 ยูนิต ซึ่งมากกว่าตัวเลขปีที่แล้วถึง 2 เท่า ในขณะที่ทำเลใจกลางเมืองและชานเมืองจะมีคอนโดเปิดใหม่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 50,000 ยูนิต เจาะตลาดระดับล่างถึงระดับกลาง พื้นที่เหล่านี้เป็นแหล่งคอนโดใหม่กว่า 95% ของกรุงเทพฯ นอกจากนี้ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของผู้ซื้อในประเทศสำหรับบ้านแนวราบที่มีความหนาแน่น้อย จึงกระตุ้นให้นักพัฒนาเร่งเปิดตัวโครงการบ้านแนวราบมากขึ้น

สำหรับตลาดคอนโดมือสองผู้ซื้อส่วนใหญ่ให้ความสนใจเพิ่มขึ้นในยูนิตที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ และยูนิตเก่าที่ต้องการการปรับปรุง

ข้อมูลมากมายจาก REIC.co.th ช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยสามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลและวางกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้านล่างนี้เป็นข้อมูล10 สัญชาติที่ลงทุนในคอนโดไทยมากที่สุดในปี 2566

10 สัญชาติที่ลงทุนซื้อคอนโดไทยมากที่สุดในปี 2566

5 อันดับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทยที่มียอดขายสูงสุด

ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย มีนักพัฒนาชั้นนำหลายรายที่ได้แสดงยอดขายของอสังหาริมทรัพย์ที่โดดเด่น ได้แก่ บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท, บริษัทแสนสิริ, บริษัทเอพี (ไทยแลนด์), บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (L&H) และบริษัทแอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ ผงาดขึ้นแท่นเป็นผู้นำภาคอสังหาริมทรัพย์

  1. พฤกษา เรียลเอสเตท หนึ่งในนักพัฒนาชั้นนำของประเทศไทย ด้วยความทุ่มเทอย่างไม่หยุดยั้งในด้านการพัฒนาคุณภาพและนวัตกรรม เป็นบริษัทที่โดดเด่นด้วยผลงานที่หลากหลายครอบคลุมโครงการที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรม และอุตสาหกรรม บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท นำเสนอความสามารถพิเศษเฉาพะที่สามารถตอบสนองและรองรับต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้ซื้อบ้านและนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง

  2. แสนสิริ นักพัฒนาที่ได้รับการยอมรับจากผู้ซื้อมาอย่างยาวนาน มีความเป็นเลิศในด้านการออกแบบและการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน บริษัทแสนสิรินำเสนอแนวคิดที่ล้ำสมัยและการผสมผสานเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต และเติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยที่มีประสิทธิภาพ

  3. เอพี (ไทยแลนด์) บริษัทที่มีประสบการณ์อันยาวนานในการสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่มีการออกแบบอย่างสวยงามบวกกับมีราคาย่อมเยา เหมาะสำหรับผู้ซื้อที่มีรายได้ปานกลาง จุดเด่นของ เอพี (ไทยแลนด์) เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยการเลือกทำเลของโครงการที่เป็นที่นิยมอย่างมีกลยุทธ์ผสมผสานกับการจัดสรรสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย และการให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยเป็นหลัก

  4. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (L&H) เป็นบริษัทชั้นนำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยมานานหลายทศวรรษ L&H มีชื่อเสียงในด้านความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการบ้านหรือที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ นำเสนอทางเลือกที่อยู่อาศัยที่หลากหลายสำหรับไลฟ์สไตล์และงบประมาณที่หลากหลาย โดยเน้นการก่อสร้างที่มีคุณภาพและการออกแบบเพื่อการการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน

  5. แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ สร้างผลงานได้โดดเด่นอย่างมีนัยสำคัญจากคอนโดมิเนียมไฮไรส์ที่เน้นประโยชน์ในการใช้สอย สไตล์ที่เอกลักษณ์ และคุ้มค่าต่อการลงทุน ความมุ่งมั่นของบริษัทนั้นเพื่อมอบความคุ้มค่าให้กับผู้ซื้อ ทำให้ได้รับฐานลูกค้าที่จงรักภักดี และประสบความสำเร็จในการขายที่น่าประทับใจ

นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยทั้ง 5 บริษัทที่กล่าวไปข้างต้นเป็นตัวอย่างของความเป็นเลิศ แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทในการตอบสนองความต้องการของตลาดเกินความคาดหวังของลูกค้า ซึ่งกลุ่มนักพัฒนาเหล่านี้มีส่วนในการกำหนดทิศทางของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย แนวทางที่เป็นนวัตกรรมใหม่และความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงในด้านคุณภาพของพวกเขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักพัฒนารุ่นใหม่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในอนาคต 

5 นักพัฒนาของไทย

สรุป

ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยมีการเปลี่ยนอย่างรวดเร็วในปี 2566 โดยมีกลุ่มนักลงทุนและผู้ซื้อชาวจีนและรัสเซียเป็นกองกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้เจริญเติบโตขึ้น ไม่ว่าจะเป็น บ้าน คอนโด และวิลล่า และกลุ่มผู้ซื้อเหล่านี้ยังมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและมีการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีนักลงทุนชาวจีนซึ่งได้รับแรงดึงดูดจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีความสวยงามน่าหลงใหล ประกอบกับวิถีการใช้ชีวิตที่มีชีวาของเมืองไทย มีส่วนทำให้ความต้องการของชาวจีนเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมและเมืองใหญ่อย่าง กรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต ในทำนองเดียวกันผู้ซื้อชาวรัสเซียก็ได้ตระหนักถึงความน่าดึงดูดใจของข้อเสนอด้านไลฟ์สไตล์และศักยภาพในการลงทุนของเมืองไทยที่ได้เปรียบ จึงทำให้สองสัญชาตินี้เป็นกลุ่มผู้ซื้อหลักของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันและคาดว่าจะขยายตัวต่อไปในอนาคต ในขณะที่จีนและรัสเซียยังคงแสดงความต้องการในการซื้ออสังหาริมทรัพย์อย่างไม่หยุดยั้ง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยก็พร้อมที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ทำให้เกิดโอกาสที่ดีเยี่ยมสำหรับนักพัฒนา นักลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในปีต่อ ๆ ไป

 

บทความก่อนหน้า
Real Estate คืออะไร? สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจลงทุน
บทความถัดไป
อสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) สูงสุดปี 2566
  • Fazwaz Group Sites www.fazwaz.cn www.fazwaz.ru www.fazwaz.fr www.fazwaz.de www.fazwaz.es